"คุณพ่อผู้เป็นมิตร" เปียงยาง-ป๊อป พลิกโฉม คิม จอง อึน อบอุ่นเข้าถึงง่าย

Wed, 8 May 2024 14:12:06

เพลง "Friendly Father - คุณพ่อที่เป็นมิตร" ที่กำลังดังอยู่ในติ๊กต็อกขณะนี้ อาจเป็นสาส์นที่ คิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือใช้ขยับสถานะตัวเองให้ดูชัดเจนขึ้นต่อประชาชนในประเทศว่า เขาคือ "พ่อที่เป็นมิตร" ของทุกคน บีบีซีไทยระบุว่า ในเพลงนี้ คิม จอง-อึน ถูกเรียกว่าเป็น "พ่อ" และ "ผู้ยิ่งใหญ่" ซึ่งก่อนหน้านี้ คำเหล่านี้จะใช้เรียกเฉพาะกับ คิม อิล ซุง ผู้นำคนแรกของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นปู่ของเขาเท่านั้น

เพลง คุณพ่อผู้เป็นมิตร ที่กำลังโด่งดังในติ๊กต็อก

เพลง คุณพ่อผู้เป็นมิตร ที่กำลังโด่งดังในติ๊กต็อก

ขณะที่ คิม จอง-อึน ได้รับการเรียกขานว่าเป็น "ผู้สืบทอดผู้ยิ่งใหญ่" มาตลอดตั้งแต่ตอนที่เขาก้าวขึ้นสู่อำนาจในปี 2012  หลังผ่านไปกว่า 1 ทศวรรษ นักวิเคราะห์มองว่า นี่อาจเป็นสัญญาณว่าเขากำลังขยับภาพลักษณ์ของเขาในฐานะ "ผู้นำสูงสุด" ของเกาหลีเหนือ

ดร.เอ็ดเวิร์ด โฮเวลส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือ ม.อ็อกซฟอร์ด ให้สัมภาษณ์กับ BBC วิเคราะห์เนื้อหาที่ทำออกมามีความแตกต่างจากเพลงเก่า ตรงที่ไม่มีภาพของ คิม จอง-อึน ยืนมองการปล่อยจรวดขีปนาวุธ แสดงความน่าเกรงขามของเหล่ายุทโธปกรณ์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งมองเห็นนัยที่ซ่อนเร้นไว้ได้ 2 ประการ 

ติม จอง-อึน

ติม จอง-อึน

อ่านข่าวอื่น : 

ปิดเกาะปลิง! ไม่มีกำหนด ปะการังฟอกขาวหนัก

"ราชทัณฑ์" โยนกรมคุมประพฤติตรวจปม "ทักษิณ" คุยกลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา

ท่านผู้นำที่อบอุ่น

นัยแรก ภาพมิวสิกวิดีโอเพลงปลุกใจคนในชาติตัวล่าสุดนี้ ถูกปรับโฉมให้ดูสบาย เข้าถึงง่าย และมีแต่รอยยิ้มของผู้นำเกาหลีเหนือที่มีต่อประชาชน ประชาชนชาวเกาหลีเหนือใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย ซึ่งอาจจะดูย้อนแย้งกับมุมมองที่โลกมีต่อเกาหลีเหนือ MV เพลงนี้สื่อให้เห็นว่าเกาหลีเหนือก็เป็นเหมือนประเทศอื่นๆ ทั่วไป และคนในประเทศไม่ได้ถูกกดขี่

เนื้อเพลงบางช่วงบางตอนร้องว่า "อบอุ่นใจคล้ายดั่งแม่ของคุณ มีเมตตาเหมือนดั่งพ่อของคุณ" นัยคือ คิม จอง-อึน พยายามไม่ให้ตัวเองถูกมองว่าเป็นเสมือนตัวแทนของพ่อและปู่ของเขา แต่เขาคือผู้นำเผด็จการที่อบอุ่นของทุกคน 

คิม จอง-อึนในลุคอบอุ่น เข้าถึงประชาชน

คิม จอง-อึนในลุคอบอุ่น เข้าถึงประชาชน

ปีเตอร์ มูดี ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือ จากมหาวิทยาลัยเกาหลี ระบุว่า "คุณพ่อผู้เป็นมิตร" เป็นเพลงป็อปโฆษณาชวนเชื่อล่าสุด ที่ผลิตโดยรัฐคอมมิวนิสต์ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา เป็นเพลงเร็ว มีจังหวะที่สดใส ฟังแล้วติดหูอย่างมาก มีกลิ่นอายของยุคโซเวียต ผู้ใช้งานติ๊กต็อก เจน Z บัญชีหนึ่งบอกว่า มันคือแนวเพลงแบบวง "แอบบา" (ABBA) วงดนตรีระดับตำนานของสวีเดน เสียงร้องอยู่ในระดับที่คนทั่วไปสามารถร้องได้ ไม่เน้นคีย์สูงต่ำแบบนักร้องมืออาชีพ 

รัฐบาลคิม จอง-อึน เลือกปล่อยซิงเกิลใหม่นี้ในงานเฉลิมฉลองหนึ่ง ที่ผู้นำประเทศเดินทางไปเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ในกรุงเปียงยาง 

ผู้นำเกาหลีเหนือขณะเปิดงานโครงการที่อยู่ใหม่

ผู้นำเกาหลีเหนือขณะเปิดงานโครงการที่อยู่ใหม่

ท่านผู้นำที่แข็งกร้าว

นัยถัดมา นักวิเคราะห์เกาหลีเหนือพบว่า มีคำศัพท์หลายคำในเพลงนี้ที่ระบุชัดว่า คิม จอง-อึน ต้องการยืนยันภาพลักษณ์ของเขาในฐานะ "ผู้นำสูงสุด" ของเกาหลีเหนือ นอกจากนั้น เขายังเปลี่ยนเนื้อเพลงในเพลงโฆษณาชวนเชื่ออีกเพลงหนึ่ง โดยเปลี่ยนท่อนที่เคยร้องว่า "บิดาของเรา คิม อิล ซุง" เป็น "บิดาของเรา คิม จอง-อึน" อีกด้วย 

BBC ระบุว่านี่อาจเป็นสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางใหม่ของคิม จอง-อึน ในฐานะผู้นำที่มีโวหารก้าวร้าวและเป็นปรปักษ์มากขึ้นเรื่อยๆ จากการให้คำมั่นว่าจะสร้างประเทศด้วยคลังแสงทางการทหาร

คิม จอง-อึน ขณะประชุมกับทหาร

คิม จอง-อึน ขณะประชุมกับทหาร

เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา คิม จอง-อึน ประกาศด้วยว่า เกาหลีเหนือจะไม่รวมชาติกับเกาหลีใต้อีกต่อไป และบอกว่าเกาหลีใต้เป็น "ศัตรูอันดับ 1 ของประเทศ" นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่ารัฐบาลเปียงยางได้ทำลายซุ้มประตูโค้ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ความหวังของการรวมชาติกับเกาหลีใต้ และเป็นมรดกของคิม อิล ซุง ปู่ของเขาด้วย

อ่านข่าวอื่น :

"ราชทัณฑ์" โยนกรมคุมประพฤติตรวจปม "ทักษิณ" คุยกลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา

"วรงค์" รับคำท้า "ภูมิธรรม" ตรวจคุณภาพข้าว มั่นใจตบแต่งกองข้าว

4 เรื่อง "ไม่รู้" เกี่ยวกับคิม จอง-อึน

  1. อายุเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ ดร.เอ็ดเวิร์ด ฮาวเวลล์ อาจารย์สาขาการเมือง ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือ ที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด บอกกับ BBC ว่ามีข้อถกเถียงมากมายเกี่ยวกับปีที่เขาเกิด ไม่ว่าจะเป็น 1982, 1983 หรือ 1984 แต่เจ่เกิดวันที่ 8 ม.ค. และถูกเรียกว่า "วันแห่งดวงดาวที่ส่องแสง (Day of the Shining Star)"

  2. ภรรยาเป็นใครไม่มีใครรู้ หลายคนอาจรู้ว่าภรรยาของ คิม จอง-อึน คือ นางรี ซอล จู แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานกันเมื่อใด เธอมีประวัติอย่างไร ทั้งคู่พบรักกันตอนไหนคิม จอง-อึน และภรรยา

    คิม จอง-อึน และภรรยา

  3. มีลูกกี่คนไม่มีใครรู้ มีข่าวว่าภรรยาของคิม จอง-อึนตั้งครรภ์ในปี 2016 แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้รายละเอียดอีก ไม่มีใครรู้ว่าผู้นำเกาหลีเหนือคนนี้มีลูกชายหรือไม่ และใครถูกวางตัวเป็นผู้สืบทอดอำนาจต่อไป

  4. มีทรัพย์สินเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ ในขณะที่เศรษฐกิจในประเทศเกาหลีเหนือถูกคว่ำบาตรจากหลายประเทศ แต่รัฐบาลคิม จอง-อึน กลับไปเงินพัฒนาโครงการขีปนาวุธ นิวเคลียร์ จำนวนมากคิม จอง-อึน และครอบครัว

    คิม จอง-อึน และครอบครัว

อ่านข่าวอื่น : ระทึก! นาทีตึกรื้อถอนพังต่อหน้า เศษซากคาถนนจรัญสนิทวงศ์

ที่มา : BBC


AstraZeneca ถอนใบอนุญาตวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลก

Wed, 8 May 2024 11:18:00

หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อ 1 พ.ค.2567  สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า บริษัทยายักษ์ใหญ่แอสตราเซเนกา ยอมรับครั้งแรกว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในชื่อ "Covishield" สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่พบได้ยาก รวมถึงภาวะลิ่มเลือด และเกล็ดเลือดต่ำ

ล่าสุด AstraZeneca  บริษัทร่วมทุนของอังกฤษและสวีเดน  ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ขณะนี้มีวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตขึ้นมาสำหรับไวรัสกลายพันธุ์หลายชนิด จนมีวัคซีนมากเกินความต้องการ ทำให้วัคซีนโควิด-19 ซึ่งพัฒนาโดยแอสตราเซเนกา มีความต้องการน้อยลง โดยทางบริษัทไม่ได้ผลิตหรือจัดหาวัคซีนตัวนี้แล้ว

กระบวนการถอนใบอนุญาตทางการตลาดทางการตลาดในยุโรป เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา และมีผลในวันที่ 7 พ.ค.นี้ ทำให้วัคซีนดังกล่าวไม่สามารถจำหน่าย และใช้การในสหภาพยุโรปได้ จากนี้จะทยอยถอนใบอนุญาตในทุกประเทศ

อ่านข่าว รับครั้งแรก! AstraZeneca ชี้วัคซีนอาจมีผลข้างเคียงลิ่มเลือดอุดตัน

 

แถลงการณ์ของแอสตราเซเนกา ไม่ได้เอ่ยถึงกรณีที่ทางบริษัทยอมรับว่า วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทสามารถก่อให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำได้

แม้กรณีดังกล่าวจะพบได้ยากมาก ซึ่งทำให้ทางบริษัทเผชิญกระแสวิจารณ์อย่างหนัก และตอนนี้แอสตราเซเนกาอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีในชั้นศาล หลังถูกฟ้องกรณีวัคซีนโควิด-19 ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงและการเสียชีวิตในผู้รับวัคซีน

โดยในช่วงเริ่มต้นการระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 บริษัทแอสตราเซเนกาถือเป็นผู้ผลิตรายแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 และได้รับอนุญาตจากหลายประเทศให้ใช้วัคซีนที่พัฒนาขึ้นใหม่เป็นกรณีฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการระบาดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและป่วยหนักเป็นจำนวนมาก

อ่านข่าว

สถาบันวัคซีน แจงเกิดภาวะลิ่มเลือด-เกล็ดเลือดต่ำ จากวัคซีน AstraZeneca มีน้อย 

 


"ยูเครน" รวบสายลับ "รัสเซีย" วางแผนลอบสังหาร "เซเลนสกี"

Wed, 8 May 2024 07:06:00

วันนี้ (8 พ.ค.2567) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โฆษกหน่วยงานด้านความมั่นคงของยูเครน (SBU) แถลงเปิดเผยว่า SBU ได้จับกุมสายลับของรัสเซีย 2 คน ที่วางแผนลอบสังหารโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนอีกหลายคน ทั้งหัวหน้า SBU และหัวหน้าหน่วยข่าวกรองทหาร

SBU เปิดเผยว่า สายลับทั้ง 2 คนดังกล่าวเป็นนายทหารยศพันเอกในหน่วยรักษาความปลอดภัยของยูเครน โดยได้รับการว่าจ้างจากสำนักงานความมั่นคงของรัสเซีย (FSB) เพื่อให้ส่งข้อมูลชั้นความลับแก่รัสเซีย

จับกุมสายลับของรัสเซีย 2 คน

จับกุมสายลับของรัสเซีย 2 คน

นอกจากนี้ สายลับทั้ง 2 คนจะทำหน้าที่หาคนใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่อารักขาของผู้นำยูเครนเพื่อจับเซเลนสกีเป็นตัวประกัน ก่อนที่จะทำการสังหารในภายหลัง

ด้านหัวหน้า SBU ระบุว่า การจับกุมสายลับทั้ง 2 นี้ถือเป็นของขวัญให้กับวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในขณะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 5 เมื่อวานนี้ (7 พ.ค.)

ขณะที่เมื่อเดือน เม.ย. มีการจับกุมชายชาวโปแลนด์คนหนึ่งในข้อหาช่วยรัสเซียวางแผนลอบสังหารผู้นำยูเครนเช่นเดียวกัน

โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน

โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน

"ปูติน" สาบานตนรับตำแหน่งผู้นำรัสเซียสมัยที่ 5

ส่วนที่รัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียเดินทางไปยังพระราชวังเครมลิมในกรุงมอสโก เพื่อเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งถือเป็นวาระที่ 5 และจะได้นั่งเก้าอี้ผู้นำรัสเซียไปอีก 6 ปี หลังชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

วลาดิเมียร์ ปูติน

วลาดิเมียร์ ปูติน

ผู้นำรัสเซียใช้โอกาสนี้กล่าวขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารพิเศษในยูเครนและประชาชน พร้อมระบุว่า ผลประโยชน์ด้านความปลอดภัยของชาวรัสเซียจะยังคงอยู่เหนือสิ่งอื่นใด และจะเปิดกว้างกระชับความสัมพันธ์อันดีกับทุกประเทศที่มองว่ารัสเซียเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือและซื่อสัตย์ รวมทั้งจะไม่ปฏิเสธการเจรจากับชาติตะวันตก ซึ่งขึ้นอยู่กับประเทศเหล่านั้น

ปูตินดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียมาแล้ว 4 สมัย และจะครองเก้าอี้ไปถึงปี 2030 ซึ่งยาวนานกว่าผู้นำคนอื่น ๆ ของรัสเซีย นับตั้งแต่โจเซฟ สตาลิน และยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมายาวนานกว่า เลโอนิด เบรจเนฟ ผู้นำสหภาพโซเวียตที่ดำรงตำแหน่งนาน 18 ปี อีกด้วย 

อ่านข่าว : "ฮามาส" ยอมรับข้อตกลงพักรบ-ปล่อยตัวประกัน

ชาวเวียดนามป่วย 500 คน หลังกิน "บั๋นหมี่" อาหารเป็นพิษ

KNDF ยิงเฮลิคอปเตอร์เมียนมาตก ตาย 5 รวมนายทหารระดับสูง


"ฮามาส" ยอมรับข้อตกลงพักรบ-ปล่อยตัวประกัน

Tue, 7 May 2024 19:25:59

วันนี้ (7 พ.ค.2567) กองทัพอิสราเอลยังคงโจมตีเมืองราฟาห์ โดยมีรายงานว่าการโจมตีครั้งล่าสุดมีเสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน ในจำนวนนี้มีเด็กและผู้หญิงรวมอยู่ด้วย

ส่วนความคืบหน้าเรื่องการเจรจาเพื่อปล่อยตัวประกันในกาซา กลุ่มฮามาสออกแถลงการณ์ว่า อิสมาอิล ฮานิเยห์ หัวหน้ากลุ่ม ได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีของกาตาร์ และหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของอียิปต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีมเจรจารับทราบแล้วว่า กลุ่มฮามาสยอมรับเงื่อนไขข้อตกลงพักรบ ซึ่งสมาชิกระดับอาวุโสของปาเลสไตน์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กลุ่มฮามาสตกลงจะยุติการกระทำที่เป็นภัยคุกคามตลอดไปหากบรรลุเงื่อนไข

ขณะที่สมาชิกอาวุโสของฮามาส กล่าวว่า ขณะนี้ขึ้นอยู่กับอิสราเอลแล้วว่าจะยอมรับข้อตกลงปล่อยตัวประกันหรือไม่ แต่แหล่งข่าวฝั่งอิสราเอลให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ส ว่า ข้อตกลงที่กลุ่มฮามาสยอมรับห่างไกลจากความต้องการของอิสราเอลมาก แต่อิสราเอลจะส่งผู้แทนไปเจรจาเพื่อหาทางบรรลุข้อตกลง ภายใต้เงื่อนไขที่อิสราเอลยอมรับได้

แนวทางหลักๆ ของข้อตกลงพักรบฉบับนี้ แบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะแรก คือ การพักรบชั่วคราวนานหลายสัปดาห์ มีการปล่อยตัวประกันและทหารหญิงอิสราเอล แลกกับนักโทษชาวปาเลสไตน์ 50 คน ส่วนระยะที่ 2 คือ การสร้างความสงบอย่างยั่งยืนในระยะยาว รวมถึงยกเลิกการปิดกั้นกาซาทั้งหมด

เดินหน้าประท้วง-ชุมนุมในสถาบันการศึกษาทั่วสหรัฐฯ

ขณะที่การชุมนุมประท้วงเพื่อแสดงพลังสนับสนุนปาเลสไตน์ในสถาบันการศึกษาทั่วสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไป โดยที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซาน ดิเอโก ตำรวจสลายกลุ่มผู้ชุมนุมที่ยืนขวางหน้ารถบัสของตำรวจ ซึ่งมีผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมอยู่บนรถ ตำรวจประกาศให้ผู้ประท้วงสลายการชุมนุมและจะเข้าไปรื้อเต็นท์ที่ปักหลักมานานนับสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

เช่นเดียวกับที่มหาวิทยาลัยเอ็มไอที ในรัฐแมสซาชูเซทส์ ผู้ประท้วงพังรั้วกั้นและวิ่งเข้าไปในสนามหญ้า ยืนประสานมือกันเป็นแนวยาว พร้อมตะโกนข้อความสนับสนุนชาวปาเลสไตน์

ส่วนที่นิวยอร์ก ผู้ประท้วงรวมตัวหน้าวิทยาลัยฮันเตอร์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสถานที่จัดงาน Met Gala ซึ่งเป็นงานระดมทุนให้พิพิธภัณฑ์ด้านศิลปะ และถือเป็นงานใหญ่แห่งปีที่ศิลปินชื่อดังหลากหลายสาขาเข้าร่วมและได้รับความสนใจจากสื่อทั่วโลก

อ่านข่าว

KNDF ยิงเฮลิคอปเตอร์เมียนมาตก ตาย 5 รวมนายทหารระดับสูง

ชาวเวียดนามป่วย 500 คน หลังกิน "บั๋นหมี่" อาหารเป็นพิษ


ชาวเวียดนามป่วย 500 คน หลังกิน "บั๋นหมี่" อาหารเป็นพิษ

Tue, 7 May 2024 16:22:00

วันนี้ (7 พ.ค.2567) สำนักข่าว BBC รายงานว่า มีผู้ต้องสงสัยมากกว่า 500 รายถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการต้องสงสัยอาหารเป็นพิษ หลังจากกินแซนด์วิช  "บั๋นหมี่" จากร้านแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของเวียดนาม ในจำนวน 12 คนมีเด็ก อายุระหว่าง 6-7 ปี 

ร้านเบเกอรี่แห่งนี้ ขายแซนด์วิชได้ 1,100 ชิ้นทุกวัน รายงานของโรงพยาบาลในพื้นที่ระบุว่า จำนวนผู้ป่วยที่ต้องสงสัยว่าเป็นโรคอาหารเป็นพิษเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน อาการต่างๆ ได้แก่ ท้องร่วง อาเจียน มีไข้ และปวดท้องอย่างรุนแรง

เจ้าหน้าที่เมือง Long Khanh ยืนยันว่ามีผู้ป่วยอย่างน้อย 560 คนล้มป่วยหลังจากกินแซนด์วิช จากร้านเบเกอรี่ Bang ในเมือง Long Khanh เมื่อช่วงปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา และคาดว่าแซนด์วิชอาจเน่าเสียเนื่องจากความร้อน

นอกจากนี้ การตรวจสอบร้านเบเกอรี่เบื้องต้นพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของอาหาร เจ้าหน้าที่จึงสั่งปิดร้านชั่วคราว

สำหรับ Bánh mì เป็นแซนด์วิชเวียดนามแบบดั้งเดิมที่ประกอบด้วยบาแกตต์สไตล์ฝรั่งเศสยัดไส้ด้วยเนื้อเย็น ปาเต้หรือตับบด และผัก

หนังสือพิมพ์เวียดนาม Health and Life ได้พูดคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีลูก 3 คนกำลังเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยหนักที่โรงพยาบาลเด็ก Dong Nai ว่า เธอซื้อแซนด์วิช 3 ชิ้น พร้อมเนื้อพิเศษให้ลูกๆ ของเธอ จากนั้นภายใน 24 ชั่วโมง ทุกคนเริ่มแสดงอาการอาหารเป็นพิษ

กระทรวงสาธารณสุขของภูมิภาค ระบุว่า จากการตรวจเลือดของผู้ที่ป่วยหนักบางรายพบว่ามีเชื้ออีโคไล แบคทีเรีย ที่มักปรากฏในผักผลไม้สด เช่น เนื้อวัว ชีส และผลไม้

ตามรายงานของ Tuoi Tre News เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ได้นำตัวอย่าง บั๋นหมี่ไปที่ห้องปฏิบัติการเพื่อทำการทดสอบต่อไป ขณะที่ตำรวจชการสอบสวนสาเหตุของอาหารเป็นพิษแล้ว

อ่านข่าวอื่นๆ

ครมไฟเขียว 3 มาตรการศก.ตรึงดีเซล-ลดค่าไฟ 19.05 สตางค์

ดรามา! #โน้สอุดม ปมทอล์กความพอเพียง

 


KNDF ยิงเฮลิคอปเตอร์เมียนมาตก ตาย 5 รวมนายทหารระดับสูง

Tue, 7 May 2024 11:57:40

วันนี้ (7 พ.ค.2567) แหล่งข่าวผู้นำระดับสูงกองกำลังกะเหรี่ยงคาเรนนี KA เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา เฮลิคอปเตอร์ของทหารเมียนมาถูกยิง โดยเป็นเฮลิคอปเตอร์จู่โจมรุ่น MI 2 กำลังบินมารับทหารเมียนมาที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบที่ค่ายผาซอง อ.ผาซอง จ.ลอยก่อว์

นักบินพยายามประคองเครื่องบินกลับไปที่ตั้งกองบัญชาการควบคุมทางยุทธวิธีเมืองบอลาแคะ แต่ตกลงก่อนจะถึงค่ายบอลาแคะ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 นาย ในจำนวนนี้มีนายทหารเมียนมาระดับสูงรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บ 2 นาย

อ่านข่าว : ทหารเมียนมาโจมตีฐานกองกำลังกะเหรี่ยง 2 จุดในเมียวดี

ก่อนหน้านี้ ฝ่ายกองกำลังผสมคาเรนนีได้รับข้อมูลข่าวกรองทางทหารมา ว่า ทหารเมียนมาจะส่งเฮลิคอปเตอร์มาส่งเสบียงอาหาร อาวุธและกระสุน และมารับทหารที่บาดเจ็บจากการสู้รบ จึงนำกำลังซุ่มโจมตีทางด้านทิศตะวันตกของสนามจอดเฮลิคอปเตอร์

ส่วนกองกำลัง KNPLF ได้นำรถบรรทุกดัดแปลงติดปืนกลต่อสู้อากาศยานดักซุ่มด้านทิศตะวันออก เมื่อฮอลิคอปเตอร์บินผ่านมาในระดับต่ำจึงถูกยิงเข้าที่ห้องเครื่อง

สำหรับค่ายผาซอง เป็นค่ายทหารเมียนมาประจำเมือง ซึ่งเป็นค่ายที่มีแนวป้องกันแข็งแกร่งแฃะยากที่จะบุกเข้ายึดได้โดยง่าย เนื่องจากแนวรอบค่ายดังกล่าว ทหารเมียนมาได้วางกับระเบิดไว้อย่างหนาแน่น กองกำลังผสมทำได้เพียงปิดล้อมและซุ่มยิงโจมตีด้วยสไนเปอร์ต่อเนื่องมากว่า 2 เดือน

อ่านข่าว

พายุฤดูร้อน ถล่ม "แปดริ้ว" น้ำท่วมหลายพื้นที่

จับแล้ว ชายควงมีดชิงทรัพย์ "สาวขับเบนซ์" ห้างดังย่านรังสิต 

จับเพิ่มอีก 2 คน ผู้ต้องหาร่วมขบวนการอุ้มรีดเงินชาวจีน


น้ำท่วมหนัก "บราซิล" ยอดตายทะลุ 70 คน สูญหายอีกนับร้อย

Mon, 6 May 2024 14:02:12

วันนี้ (6 พ.ค.2567) ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ประธานาธิบดีบราซิล ขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำรวจความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมหนักในรัฐรีโอ กรันดี โด ซูล เป็นครั้งที่ 2 ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พร้อมทั้งให้คำมั่นว่ารัฐบาลจะสนับสนุนความช่วยเหลือที่จำเป็นในการบูรณะพื้นที่ประสบอุทกภัยอย่างรอบด้าน

ขณะที่เมือง โปร์ตู อาเลกรี เมืองเอกของรัฐรีโอ กรันดี โด ซูล ทั้งเมืองจมอยู่ใต้น้ำ หลังจากระดับน้ำในแม่น้ำที่ไหลผ่านเมืองนี้เพิ่มสูงขึ้นแตะระดับ 5.3 เมตร สูงกว่าสถิติเดิมที่ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่เมื่อปี 1941 มากกว่า 50 เซนติเมตร

ทางการบราซิลระดมกำลังทหาร เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมากกว่า 3,000 คน ลงพื้นที่เร่งอพยพผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศ ขณะที่ชาวบราซิลที่มีเรือ หรือรถที่สามารถลุยน้ำได้ ต่างช่วยกันลำเลียงความช่วยเหลือเข้าไปในพื้นที่และพาตัวผู้ประสบภัยบางส่วนออกจากพื้นที่เสี่ยง

ล่าสุด ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมและดินถล่มในพื้นที่ทางตอนใต้ของบราซิลเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างน้อย 78 คน มีผู้สูญหายอีกมากกว่า 100 คน และมีประชาชนต้องอพยพหนีภัยพิบัติครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 115,000 คน

อ่านข่าว

เนทันยาฮูสั่งปิด "อัล จาซีรา" อ้างกระทบความมั่นคงของชาติ

ทหารเมียนมาโจมตีฐานกองกำลังกะเหรี่ยง 2 จุดในเมียวดี


เนทันยาฮูสั่งปิด "อัล จาซีรา" อ้างกระทบความมั่นคงของชาติ

Mon, 6 May 2024 07:34:43

เมื่อวันที่ 5 พ.ค.2567 ผู้แทนจากกระทรวงโทรคมนาคมของอิสราเอลพร้อมด้วยตำรวจ เดินทางไปที่โรงแรมในเยรูซาเล็ม ซึ่งสำนักข่าว อัล จาซีรา ใช้เป็นสำนักงาน โดยเจ้าหน้าที่ได้อ่านคำสั่งปิดสำนักงานของ อัล จาซีรา ให้ทีมงานฟัง เนื้อหาหลักๆ คือ ทางการอิสราเอลจะยึดอุปกรณ์ในการทำงานทุกอย่าง ห้ามทีมงานรายงานข่าว ปิดกั้นช่องทางออกอากาศของอัล จาซีรา รวมถึงปิดกั้นเว็บไซต์ด้วย

หลังมีคำสั่งออกมาประมาณ 1 ชั่วโมง ทีมงานได้ปิดเครือข่ายการถ่ายทอดสัญญาณดาวเทียมและช่องทางออกอากาศในอิสราเอลทั้งหมด ทำให้ช่องอัล จาซีรา กลายเป็นจอดำ

ช่องอัล จาซีรา ขึ้นข้อความ ยุติการออกอากาศเนื่องจากคำสั่งของรัฐบาลอิสราเอล

ช่องอัล จาซีรา ขึ้นข้อความ ยุติการออกอากาศเนื่องจากคำสั่งของรัฐบาลอิสราเอล

ส่วนบริเวณด้านหน้าห้องพักซึ่งเคยเป็นสำนักงานของ อัล จาซีรา เจ้าหน้าที่ได้นำคำสั่งมาปิดไว้ โดยระบุว่า การสั่งปิดสำนักงานแห่งนี้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันหน่วยงานด้านสื่อของต่างชาติ การดำเนินงานใดๆ ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงของชาติ จึงมีคำสั่งให้ปิดสำนักงานของสถานีโทรทัศน์ อัล จาซีรา ทั้งในเยรูซาเล็มและอิสราเอล

ทั้งนี้ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวในระหว่างประชุมคณะรัฐมนตรีในเยรูซาเล็ม โจมตีสถานีโทรทัศน์ อัล จาซีรา และการปฏิบัติหน้าที่ของผู้สื่อข่าวสำนักนี้ ว่าเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของอิสราเอลและยั่วยุให้เกิดการต่อต้านกองทัพอิสราเอล พร้อมทั้งชี้ว่า ถึงเวลาแล้วที่กระบอกเสียงของฮามาสจะต้องออกไปจากประเทศ

ท่าทีดังกล่าวมีขึ้น ก่อนที่คณะรัฐมนตรีอิสราเอลจะลงมติสนับสนุนให้มีการปิดสถานีโทรทัศน์ อัล จาซีรา ในประเทศไปจนกว่าสงครามในกาซาจะยุติลง โดยมตินี้จะมีผลบังคับใช้ทันที ซึ่งจะเปิดทางให้ทางการเข้าปิดสถานี ยึดอุปกรณ์ออกอากาศ ตัดสัญญาณการให้บริการทั้งผ่านเคเบิลและดาวเทียม รวมทั้งระงับการใช้งานเว็บไซต์ของอัล จาซีราด้วย

ทั้งนี้อัล จาซีรา เป็นหนึ่งในสำนักข่าวระดับโลก ที่นำเสนอข่าวการทำสงครามในกาซาตลอด 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.2566 และที่ผ่านมามีช่างภาพและผู้สื่อข่าวของ อัล จาซีรา เสียชีวิตและบาดเจ็บในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่จำนวนมาก แม้เผชิญอุปสรรคมากมาย แต่สำนักงานอัล จาซีรา ยืนยันว่าจะยังคงทำหน้าที่สื่อมวลชนต่อไป และเตรียมดำเนินการทางกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหานี้

หัวหน้าสำนักข่าว อัล จาซีรา ในอิสราเอลและดินแดนปาเลสไตน์ ระบุว่า คำสั่งปิดสำนักงานของรัฐบาลอิสราเอลในครั้งนี้ ถือเป็นการตัดสินใจที่อันตรายมาก เป็นการต่อต้าน อัล จาซีรา และสำนักข่าวนานาชาติ เพราะแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลอิสราเอลต้องการปิดกั้นไม่ให้คนอื่นรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสงครามที่กาซา รวมถึงในอิสราเอลและเวสต์ แบงก์

หัวหน้าสำนักข่าว อัล จาซีรา ในอิสราเอลและ เวสต์ แบงก์

หัวหน้าสำนักข่าว อัล จาซีรา ในอิสราเอลและ เวสต์ แบงก์

เบื้องหลังการตัดสินใจในครั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องความเป็นมืออาชีพหรือสื่อมวลชนแต่อย่างใด แต่สาเหตุมาจากเรื่องการเมือง ซึ่งเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลและรัฐบาลฝ่ายขวาจัด ต้องการแสวงหาประโยชน์จากเรื่องนี้ ด้วยการปิดกั้นไม่ให้สื่อมวลชนทำหน้าที่

ส่วนบรรณาธิการบริหารของ อัล จาซีรา ซึ่งประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่ในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ได้กล่าวประณามการกระทำของรัฐบาลอิสราเอล โดยระบุว่าเป็นการก่ออาชญากรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชนและสิทธิขั้นพื้นฐานในการเข้าถึงข้อมูลของผู้คนทั่วโลก

พร้อมยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่กระทบต่อการนำเสนอข่าวสงครามในกาซาของ อัล จาซีรา ซึ่งทางสำนักข่าวจะนำเสนอข่าวเรื่องนี้อย่างรอบด้าน จากแง่มุมทั้งในและนอกประเทศอิสราเอล แม้ว่าทีมข่าวจะไม่สามารถทำงานในอิสราเอลได้ แต่ก็ยังมีวิธีอื่นๆ ในการรวบรวมข้อมูล อย่างไรดี อัล จาซีรา ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของทีมงาน และจะปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งในอีกไม่กี่วันนี้ ทางสำนักข่าวจะดำเนินการทางกฎหมายต่อคำสั่งดังกล่าว

หน้าจอช่อง อัล จาซีรา ที่แพร่ภาพในประเทศอื่นๆ

หน้าจอช่อง อัล จาซีรา ที่แพร่ภาพในประเทศอื่นๆ

อัล จาซีรา ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 หรือ 28 ปีก่อน โดยอดีตเจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ ซึ่งต้องการให้สำนักข่าวแห่งนี้มีความเป็นอิสระ โดยรัฐบาลกาตาร์ให้เงินทุนกู้ยืมเพื่อใช้ดำเนินงานในระยะเวลา 5 ปีแรก จำนวน 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นสำนักข่าวอิสระแห่งแรกในโลกอาหรับ มีสำนักงาน 70 แห่ง ใน 95 ประเทศ มีพนักงาน 3,000 คนทั่วโลก มียอดคนดู 430 ล้านคน

แม้จะเรียกตัวเองว่าเป็นสำนักข่าวที่มีความอิสระในการทำงาน แต่การได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลกาตาร์ ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยถึงความเกี่ยวพันกับรัฐบาลกาตาร์ ดังนั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อเกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ สำนักงานของ อัล จาซีรา ที่อยู่ในประเทศคู่ขัดแย้ง รวมถึงสำนักข่าวที่เป็นพันธมิตร มักถูกสั่งปิดไปด้วย

อ่านข่าวอื่น :

ให้สัญจรชั่วคราว! ซ่อมแล้วถนนยุบใต้สะพานพระราม 4

สภาพอากาศวันนี้ "ร้อนลดลง" ทั่วไทยฝนตก 10-40% ของพื้นที่

ออสเตรเลียวิสามัญฯ ชายวัย 16 ไล่ทำร้ายคน ชี้มีแนวคิดสุดโต่ง

ชูซอฟต์พาวเวอร์! ต่างชาติแฮปปี้แห่ฝึก "มวยไทย" กับ 3 นักชกดัง


ทหารเมียนมาโจมตีฐานกองกำลังกะเหรี่ยง 2 จุดในเมียวดี

Sun, 5 May 2024 19:33:57

วันนี้ (5 พ.ค.2567) เครื่องบินปีกหมุนของกองทัพเมียนมา เข้าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเหนือฐานที่มั่นของกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยู 2 จุดในพื้นที่ จ.เมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.ที่ผ่านมา

หนึ่งในนั้นอยู่ห่างจากสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 บ้านวังตะเคียน ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด ประมาณ 3 กิโลเมตร ส่วนอีกหนึ่งจุดอยู่ห่างจากชายแดนลึกเข้าไปในพื้นที่ชั้นในของ จ.เมียวดี เกือบ 10 กิโลเมตร โดยยังไม่มีรายงานความเสียหายในพื้นที่

มีรายงานว่า กองทัพภาคตะวันออกเฉียงใต้ รัฐกะเหรี่ยง และรัฐมอญ ของประเทศเมียนมา ออกคำสั่งให้ พ.อ.หม่อง ชิ ตู่ ผู้บัญชาการกองกำลังเคเอ็นเอ. ให้ประกาศแจ้งเตือนบุคคลชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจออนไลน์ และชาวต่างชาติที่ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายในพื้นที่ จ.เมียวดี ให้เดินทางออกจากพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-31 ต.ค.นี้ หากพ้นกำหนดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

ขณะที่ศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก สรปุสถานการณ์ชายแดนล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พ.ค. ระบุว่า มีการปะทะระหว่างทหารเมียนมาและกองกำลังต่อต้าน บริเวณบ้านเลเกก่อ จ.เมียวดี ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 10 กิโลเมตร ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนบริเวณแนวชายแดน

ล่าสุด มีผู้หนีภัยการสู้รบข้ามแดนเข้ามาพักอาศัยในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ที่บ้านหนองหลวง อ.อุ้มผาง จำนวน 77 คน

อ่านข่าว

พายุลมแรงพัดป้ายโฆษณา-เสาไฟฟ้าล้มกลางเมืองหาดใหญ่

ออสเตรเลียวิสามัญฯ ชายวัย 16 ไล่ทำร้ายคน ชี้มีแนวคิดสุดโต่ง

จับรอง ผอ.รร.ในขอนแก่น “รับแป๊ะเจี๊ยะ” ผู้ปกครองชี้แก้ทุจริตระบบการศึกษาต้องกล้าเปลี่ยน

 


ออสเตรเลียวิสามัญฯ ชายวัย 16 ไล่ทำร้ายคน ชี้มีแนวคิดสุดโต่ง

Sun, 5 May 2024 17:14:18

วันนี้ (5 พ.ค.2567) ทางการรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย ระบุว่า ชายต้องสงสัยอายุ 16 ปี ก่อเหตุใช้มีดทำครัวยาว 30 เซนติเมตร วิ่งไล่ทำร้ายประชาชนที่ลานจอดรถ ชานนครเพิร์ท ทางตะวันตกของออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 คน ซึ่งขณะนี้มีอาการทรงตัว

ขณะที่ตำรวจยิงผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ ก่อนเสียชีวิตระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าชายคนนี้เป็นผู้ที่มีแนวคิดสุดโต่ง และเคยเข้าร่วมโครงการต่อต้านการใช้ความรุนแรงของกลุ่มสุดโต่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

เบื้องต้น ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ต้องสงสัยลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ แต่เชื่อว่าลงมือก่อเหตุเพียงลำพัง ซึ่งตามปกติอาชญากรรมรุนแรงพบได้ไม่บ่อยในออสเตรเลีย แต่เหตุการณ์นี้ถือเป็นเหตุการณ์ไล่ทำร้ายคนครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 1 เดือน

อ่านข่าว

ร้อนจัด-น้ำแล้ง "ปลาตายเกลื่อน" อ่างเก็บน้ำเวียดนาม

ชูซอฟต์พาวเวอร์! ต่างชาติแฮปปี้แห่ฝึก "มวยไทย" กับ 3 นักชกดัง

แม่มารับแล้ว! "ลูกช้างป่า" ตกบ่อโคลน กลับเข้าโขลงปลอดภัย


ร้อนจัด-น้ำแล้ง "ปลาตายเกลื่อน" อ่างเก็บน้ำเวียดนาม

Fri, 3 May 2024 07:13:00

เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2567 สำนักข่าวต่างประเทศ เผยแพร่ภาพมุมสูงของอ่างเก็บน้ำภายใน จ.ด่งนาย ทางตอนใต้ของเวียดนาม พบปลานับแสนตัวตายลอยอืดบนผิวน้ำ ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัด เจ้าหน้าที่เร่งเก็บซากปลาที่กำลังเน่าเสียหลังจากปลาตายตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ซึ่งมีปริมาณปลามากจนบางส่วนแทบไม่เห็นผิวน้ำ

ชาวบ้านในพื้นที่ ระบุว่า ปลาตายเพราะน้ำน้อย และชาวบ้านเดือดร้อนจากกลิ่นปลาเน่ามานานหลายวัน โดยเชื่อว่าหายนะที่เกิดขึ้นเกิดจากการดูแลจัดการที่ผิดพลาด ทั้งนี้คาดว่าปลาที่ตายคิดเป็นน้ำหนักรวมกว่า 200 ตัน และไม่สามารถระบุจำนวนได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนหาสาเหตุ

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลอ่างเก็บน้ำต้องปล่อยน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำไปยังพื้นที่การเกษตรท้ายน้ำ ท่ามกลางอากาศแล้งจัดและฝนที่ไม่ตกมานานหลายสัปดาห์ โดยสื่อท้องถิ่นเวียดนาม รายงานว่า บริษัทที่ดูแลอ่างเก็บน้ำจุดนี้พยายามขุดลอกและผันน้ำเข้าไปเพิ่มตั้งแต่ต้น 2024 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

อ่านข่าว : "ลำน้ำทา" แล้งหนัก อปท.ต้องขนน้ำแจกชาวบ้านทุกวัน

"กัมพูชา" เปลี่ยนเวลาเรียนรับอากาศร้อน

ส่วนที่กัมพูชา อากาศร้อนจัดทำให้โรงเรียนในกรุงพนมเปญต้องลดเวลาเรียนลง 2 ชั่วโมง โดยเปลี่ยนไปเริ่มเรียนเช้าขึ้น 1 ชม. เป็นเข้าเรียนเวลา 07.00 น. และเรียนถึง 10.00 น. จากนั้นการเรียนภาคบ่ายจะเริ่มช้าลง 1 ชม. เป็นเข้าเรียนเวลา 14.00 น. และเลิกเรียน 17.00 น.

เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาประเมินว่าอุณหภูมิสูง 39 องศาเซลเซียส ซึ่งนักเรียนบางส่วนกังวลว่าชั่วโมงเรียนที่ลดลงจะกระทบกับผลการเรียน ขณะที่นักเรียนหลายคนระบุว่ามีอาการปวดและเวียนศีรษะจนทำให้เรียนได้ไม่สะดวก

ขณะที่ที่ฟิลิปปินส์ ชุมชนแออัดที่อากาศร้อนจัดกลายเป็นโรงเรียนชั่วคราวของเด็กๆ ที่อาศัยอยู่ภายใน หลังจากโรงเรียนประกาศปิดการเรียนการสอนเพราะอากาศร้อนจัด และให้นักเรียนเรียนออนไลน์จากที่บ้านแทน

สำหรับกรุงมะนิลา มีหน่วยงานท้องถิ่นเมือง Valenzuela นำรถอาบน้ำเคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชน เพื่อให้มาอาบน้ำคลายร้อนได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ท่ามกลางปัญหาขาดแคลนทั้งน้ำและไฟฟ้าในช่วงนี้ โดยหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาคาดว่าดัชนีความร้อนจะยังอยู่ในระดับสูงถึง 45 องศาเซลเซียสไปตลอดสัปดาห์

อ่านข่าว : แล้งจัด! เกษตรกรสุดช้ำ "ลูกทุเรียน" ร่วงเสียหายกว่า 50 ล้านบาท

"บังกลาเทศ-อินเดีย" ร้อนทุบสถิติเดือน เม.ย.

อีกด้านหนึ่ง ชาวโรฮิงญาซึ่งอาศัยลี้ภัยอยู่ที่ค่ายในบังกลาเทศ เผชิญอากาศร้อนจัดและสภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก ซึ่งแม้ว่าเจ้าหน้าที่จะแนะนำให้ผู้อาศัยในค่ายผู้ลี้ภัยกููตูปาลอง เลี่ยงการออกไปที่กลางแจ้ง แต่คนส่วนใหญ่ยังคงต้องทำมาหากิน โดยมีรายงานการเกิดฮีทสโตรกและภาวะขาดน้ำอย่างต่อเนื่อง ส่วนในเด็กจำนวนมากพบปัญหาโรคผิวหนัง

สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนทุบสถิติในบังกลาเทศ ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาระบุว่า เดือน เม.ย.ที่ผ่านมาเป็นเดือน เม.ย.ที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลเมื่อปี 1948

ส่วนที่อินเดีย เดือน เม.ย.ที่ผ่านมาเป็นเดือน เม.ย.ที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ของพื้นที่ทางตะวันออกของอินเดียเช่นกัน โดยหลายพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อใช้อุปโภคบริโภค ท่ามกลางอากาศร้อนจัด

อ่านข่าว

สภาพอากาศวันนี้ เหนือ-อีสาน-กลาง "พายุฤดูร้อน" ในหลายพื้นที่

"ญี่ปุ่น" เริ่มสร้างฉากกั้นถ่ายรูป "ฟูจิ" แก้ปัญหานักท่องเที่ยว

รับครั้งแรก! AstraZeneca ชี้วัคซีนอาจมีผลข้างเคียงลิ่มเลือดอุดตัน


"ญี่ปุ่น" เริ่มสร้างฉากกั้นถ่ายรูป "ฟูจิ" แก้ปัญหานักท่องเที่ยว

Thu, 2 May 2024 07:04:55

เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2567 เจ้าหน้าที่ในญี่ปุ่นเริ่มติดตั้งเสาเพื่อเตรียมกั้นฉากบดบังทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมักนิยมไปถ่ายรูป โดยเป็นบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ซึ่งมีถนนตัดผ่านและมักทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นท่ามกลางจำนวนนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้าไปในญี่ปุ่น

การก่อสร้างฉากที่ทำจากตาข่ายสีดำ บริเวณริมทางเท้าแถบฟูจิคาวากุชิโกะ จะเสร็จสิ้นลงช่วงกลางเดือน พ.ค.นี้ โดยมีความสูง 2.5 เมตรและยาว 20 เมตร ซึ่งจะบังวิวภูเขาไฟเกือบทั้งหมด

อ่านข่าว : อวสานจุดเช็กอินสุดฮิต "ฟูจิ" จ่อตั้งแผงกั้นสูง 2.5 เมตรคุมท่องเที่ยว

ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วนมองว่าอาจเป็นการแก้ไขปัญหาที่เกินกว่าเหตุ เนื่องจากยังมีอีกหลายจุดที่จะถ่ายภาพภูเขาไฟฟูจิได้ ขณะที่นักท่องเที่ยวบางส่วนรู้สึกเข้าใจการตัดสินใจกั้นฉาก เพราะมองว่าพลังของสื่อออนไลน์ทำให้เกิดปัญหาตามมา

ส่วนคนในพื้นที่บางส่วน ระบุว่า ในระยะหลังมีนักท่องเที่ยวส่งเสียงดังตั้งแต่เช้ามืดและเดินตัดถนน โดยไม่สนใจสัญญาณไฟจราจร แต่ขณะเดียวกันคนท้องถิ่นที่เปิดธุรกิจ เช่น ร้านขายขนม ก็ได้ประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาแถบนี้

ทั้งนี้ในปี 2023 ญี่ปุ่นรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 25 ล้านคน และปี 2024 คาดว่าจะเพิ่มเป็นร่วม 32 ล้านคน หรือสถิติเดิมช่วงปี 2019 ก่อนเกิดโรคระบาดใหญ่

ขณะที่ข้อมูลเมื่อเดือน เม.ย.2024 องค์การการท่องเที่ยวแห่งชาติญี่ปุ่น พบว่า เดือน มี.ค.ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าญี่ปุ่น 3.8 ล้านคน ถือเป็นจำนวนสูงที่สุดในระยะเวลา 1 เดือน เพิ่มจากเดือน มี.ค.2023 ร้อยละ 69.5 และหากเทียบกับในปี 2019 เพิ่มร้อยละ 11.6 นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากอินเดีย เยอรมนี ไต้หวันและสหรัฐ

อ่านข่าว

ถนนยุบตัวในจีน รถตกลงไป 20 คัน เสียชีวิต 24 คน

อินโดนีเซียเตือนภัยภูเขาไฟ "รูอาง" ปะทุระลอกใหม่

รับครั้งแรก! AstraZeneca ชี้วัคซีนอาจมีผลข้างเคียงลิ่มเลือดอุดตัน


ถนนยุบตัวในจีน รถตกลงไป 20 คัน เสียชีวิต 24 คน

Wed, 1 May 2024 19:51:00

วันนี้ (1 พ.ค.2567) สำนักข่าว China Xinhua News รายงานว่า เวลา 02.10 น. ตามเวลาท้องถิ่น เกิดเหตุถนนของทางด่วนสายท้องถิ่นพังทลายและยุบตัวเป็นโพรงขนาดใหญ่ ในพื้นที่มณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน ส่งผลให้รถยนต์ตกลงไป 20 คัน และมีผู้เสียชีวิต 24 คน

ทางการท้องถิ่นเมืองเหมยโจว มณฑลกวางตุ้ง ระบุว่า ได้ระดมกำลังพลเข้ากู้ภัยมากกว่า 500 คน โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอีก 30 คน

สำหรับจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณถนนช่วงหนึ่งของทางด่วนสายเหมยโจว-ต้าปู้ โดยจุดที่ยุบตัวมีความยาว 17.9 เมตร และครอบคลุมพื้นที่ราว 184.3 ตารางเมตร ขณะที่ภาพจากคลิปวิดีโอพบว่า ด้านหนึ่งของทางด่วนพังทลายและยุบตัวจนกลายเป็นโพรงขนาดใหญ่ ทำให้ยานยนต์ตกจากเนินเขา


รับครั้งแรก! AstraZeneca ชี้วัคซีนอาจมีผลข้างเคียงลิ่มเลือดอุดตัน

Wed, 1 May 2024 13:19:00

วันนี้ (1 พ.ค.2567) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า บริษัทยายักษ์ใหญ่แอสตราเซเนกา ยอมรับครั้งแรกว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในชื่อ "Covishield" สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่พบได้ยาก รวมถึงภาวะลิ่มเลือด และเกล็ดเลือดต่ำ

รายงานดังกล่าวเกิดขึ้น ในคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มในสหราชอาณาจักร ถึงผลข้างเคียงหลังรับวัคซีนโควิด-19 โดยบริษัทแอสตราเซนเนกา ที่พบภาวะลิ่มเลือดอุดตัน จนทำให้มีผู้เสียชีวิต

ทั้งนี้ Covishield ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทอังกฤษ-สวีเดน โดยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ และผลิตโดย Serum Institute of India มีการบริหารงานอย่างกว้างขวางในกว่า 150 ประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักรและอินเดีย

การศึกษาบางดำเนินการระหว่างการแพร่ระบาดพบว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ได้ 60-80 %

ก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลก ยืนยันว่า Covishield อาจมีผลข้างเคียงที่คุกคามถึงชีวิตได้ “มีรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่หายากมากที่เรียกว่า Thrombosis with Thrombocytopenia Syndrome ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติและรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับจำนวนเกล็ดเลือดต่ำ ได้รับรายงานหลังการฉีดวัคซีนด้วยวัคซีนนี้

ไทยรับทราบข้อมูลเบื้องต้น 

ด้าน นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ผลข้างเคียงจากการรับวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ก่อนหน้านี้บริษัท ก็ได้มีการแจ้งข้อมูลที่เป็นวารสารทางการแพทย์ออกมาตั้งแต่ในช่วงที่มีการอนุญาตในลักษณะฉุกเฉิน (EUA) แต่ในขณะนี้มีการอนุญาตใช้โดยทั่วไปแล้ว จึงมีการเก็บข้อมูลผลข้างเคียงในลักษณะที่เป็นหลักฐาน รวมถึงมีเรื่องของการฟ้องร้องดังกล่าวด้วย

สำหรับประเทศไทย ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค รายงานผลการฉีดวัคซีนโควิด ตั้งแต่ 28 ก.พ.2564 -10 มี.ค.2566 ในไทยตั้งแต่เกิดการะบาดของโควิด-19 มีการนำเข้าวัคซีน 5 ชนิดได้แก่ ซิโนแวค แอสตราเซเนกา ชิโนฟาร์ม ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา โดยอันดับที่มีการฉีดมากสุดคือ ไฟเซอร์ จำนวน 48,867,210 โดส รองลงมาแอสตราเซเนกา 48,718,241 โดส

โควิดหลังสงกรานต์เพิ่ม-สายพันธุ์ย่อยของ XBB.1

ด้านนพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (21 27 เม.ย.) พบผู้ป่วยโรคโควิดที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวน 1,672 คนเฉลี่ย 239 คนต่อวัน ผู้ป่วยปอดอักเสบ 390 คน ใส่ท่อช่วยหายใจ 148 คน และมีผู้เสียชีวิต 9 คน

เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน (14-20 เม.ย.) พบว่าผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังเป็นไปตามคาดการณ์ เนื่องจากโรคโควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่น สามารถพบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี และยังเป็นโรคประจำฤดูกาล

โดยจะพบผู้ป่วยมากขึ้นตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ต่อเนื่องจนถึงฤดูฝนที่กำลังจะถึงนี้และจะเป็นช่วงเปิดเทอมด้วย ไม่ต่างจากโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ทั้งไข้หวัดใหญ่ โรคติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี แต่ความรุนแรงของโรคโควิด-19 ลดลงอย่างมาก

จากการวิเคราะห์ข้อมูลติดตามย้อนหลังช่วง 3-4 ปีพบว่าอัตราป่วยตายของโรคโควิดลดลงจาก 0.98 % ช่วงปี 2563-2564 เป็น 0.04 % ในปีนี้ ใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่ และต่ำกว่าไข้เลือดออก

นพ.ธงชัย กล่าวอีกว่า ปัจจุบันโควิดที่ระบาดคือสายพันธุ์ย่อยของ XBB.1 ซึ่งเป็นลูกหลานของโอมิครอน อาการไม่รุนแรง เป็นเหมือนหวัดธรรมดาทั่วไป ซึ่งจุดนี้เองอาจทำให้ประชาชนไม่ได้ระวังจึงแพร่เชื้อต่อกันได้ง่าย

สิ่งสำคัญคือต้องระมัดระวังไม่นำเชื้อไปสู่กลุ่มเสี่ยง ซึ่งจากข้อมูลผู้เสียชีวิตทุกรายยังพบว่า เป็นกลุ่ม 608 โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือมีโรคประจำตัวเรื้อรัง ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนมีความตระหนักแต่ไม่ตระหนก

อ่านข่าว : 

ถ้วนหน้า! พิพัฒน์ยืนยัน 1 ต.ค. ค่าแรง "400 บาท" ทั้งประเทศ

"แรงงาน" ยื่น 10 ข้อเรียกร้อง รัฐบาล ใน "วันแรงงาน"

“เสียงประชาชน” ดังขึ้นดังอีก เอาคืน กกต.อย่าล้ำเส้นสิทธิ


อากาศสุดขั้ว! เวียดนาม บังกลาเทศคนหลบร้อน-อัฟกานิสถานหิมะตก

Wed, 1 May 2024 08:56:48

เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2567 ผู้คนที่สัญจรบนถนนในกรุงฮานอยของเวียดนามต่างพากันหลบร่ม ดื่มน้ำ และสวมหมวกเพื่อป้องกันแดด หลังอากาศร้อนจัดทำให้หลายคนเลือกไม่ออกจากบ้าน จนทำให้ถนนหลายสายโล่งเป็นพิเศษ ทั้งที่เป็นวันหยุดเนื่องในวันรวมชาติเวียดนาม โดยปกติแล้วสถานที่สาธารณะต่างๆ จะเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาพักผ่อนในวันหยุด

บรรยากาศวันชาติเวียดนามเงียบเหงา

บรรยากาศวันชาติเวียดนามเงียบเหงา

ภาพเหล่านี้เกิดขึ้นท่ามกลางอากาศร้อน ซึ่งหน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาเวียดนาม ระบุว่า หลายพื้นที่ของประเทศ ทั้งตอนกลางและตอนเหนือ อุณหภูมิสูงตั้งแต่ 40.2-44 องศาเซลเซียส ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ก่อนคาดว่าจะทยอยลดลงในช่วงต้นเดือนนี้

พ่อค้าแม่ค้าได้รับผลกระทบจากอากาศร้อนเช่นกัน หลายร้านระบุว่าไม่มีลูกค้า และขายสินค้าไม่ได้ รวมถึงผู้ให้บริการรถสาธารณะอย่างรถสามล้อ ที่ระบุว่าแทบไม่มีลูกค้า ขณะที่ตนต้องหาทางหลบร้อนรอผู้โดยสาร

หลายประเทศเอเชียหาวิธีคลายร้อนช่วยสัตว์

ในกัมพูชาเจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าต้องหาสารพัดวิธีช่วยคลายร้อนให้สัตว์นานาชนิด ทั้งขุดบ่อใหม่ให้ช้าง และฉีดน้ำให้สัตว์ต่างๆ รวมถึงติดตามดูแลสภาพร่างกายอย่างใกล้ชิด หลังจากตั้งแต่ต้นสัปดาห์ทางการเตือนว่าอาจร้อนทะลุ 43 องศาเซลเซียส

คนกัมพูชากางร่มหลบร้อน

คนกัมพูชากางร่มหลบร้อน

เช่นเดียวกับที่บังกลาเทศซึ่งความร้อนทำให้สัตว์ตามร้านขายสัตว์เลี้ยงตกอยู่ในสภาพอิดโรย จนหลายร้านต้องให้เกลือแร่ หรือเปิดพัดลมให้ หลังอากาศร้อนจัดต่อเนื่องนานนับสัปดาห์ ซึ่งวันจันทร์ที่ผ่านมาสถิติอุณหภูมิอยู่ที่ 43 องศาเซลเซียส และสามารถทำให้เกิดฮีทสโตรกได้ทั้งในคนและสัตว์

บังกลาเทศปิดโรงเรียนรอบใหม่รับร้อน

ก่อนหน้านี้ ผู้พิพากษาศาลสูงบังกลาเทศประกาศอนุมัติคำสั่งปิดโรงเรียนทั่วประเทศอีกครั้งไปจนถึงวันที่ 2 พ.ค.2567 เนื่องจากปัญหาคลื่นความร้อนครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2491 หลังจากโรงเรียนในบังกลาเทศกลับมาเปิดเรียนได้เพียง 1 วัน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (28 เม.ย.) เท่ากับเป็นการปิดโรงเรียนระลอก 2 หลังจากสภาพอากาศร้อนจัดทำให้ทางการสั่งปิดโรงเรียนตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ส่งผลกระทบต่อนักเรียน 33 ล้านคน จาก 54 ล้านคนทั่วประเทศ ปีนี้ถือเป็นปีที่ 2 แล้ว ที่บังกลาเทศต้องสั่งปิดเรียนรับมืออากาศร้อน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน นับตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา

นักเรียนบังกลาเทศต่อแถวดื่มน้ำ

นักเรียนบังกลาเทศต่อแถวดื่มน้ำ

ขณะที่ในอินเดียกลุ่มแรงงานที่ทำงานกลางแจ้งเผชิญสภาวะอากาศร้อนจัดจนทำให้ต้องหยุดพักการทำงานเป็นระยะ โดยในกัลกัตตาอุณหภูมิสูงสุดวานนี้เพิ่มขึ้นสูงแตะ 42 องศาเซลเซียส หลังวันจันทร์ที่ผ่านมาเพิ่งมีรายงานการเสียชีวิตจากอากาศร้อนอย่างน้อย 2 คน ในรัฐเกรละ

โดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดียเตือนให้เฝ้าระวังวันที่อากาศร้อนและชื้นกว่าปกติ ซึ่งจะเกิดบ่อยครั้งขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ในช่วงระหว่างเดือน เม.ย.-มิ.ย.

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกเปิดเผยรายงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีอากาศร้อนขึ้นเร็วกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งโลก โดยอุณหภูมิเมื่อปีที่แล้ว สูงกว่าค่าเฉลี่ยปี 2534-2563 เกือบ 1 องศาเซลเซียส

อ่านข่าว : ลุ้นฝนคลายร้อน! 3-7 พ.ค.67 ไทยตอนบนรับมือ "พายุฤดูร้อน"

อัฟกานิสถาน "หิมะตกนอกฤดู" กระทบการเกษตร

ขณะที่ในอัฟกานิสถาน มีหิมะตกและอากาศเย็นลงอย่างรวดเร็วนอกฤดูกาล ทำให้สวนผลไม้ รวมถึงสวนแอปริคอตและแอปเปิลได้รับผลกระทบ ผลผลิตเสียหาย ต้นไม้ที่กำลังออกดอกกลับเสียหายจากหิมะตกช่วง 2 วันที่ผ่านมา

โดยปกติแล้ว อากาศเย็นจัดจะไม่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ของปี และเกษตรกรวัย 53 ปี ระบุว่าไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต

บังกลาเทศหิมะตก

บังกลาเทศหิมะตก

นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่าสภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งมีพฤติกรรมและกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์เป็นปัจจัย หนึ่งในนั้นคือการปล่อยแก๊สเรือนกระจก ซึ่งข้อมูลจากธนาคารโลก ชี้ว่า ประชาชนมากกว่า 320 ล้านคนในเอเชีย ตกอยู่ในภาวะยากจนขั้นรุนแรง ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้คือคนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโลกร้อนมากที่สุด

อ่านข่าวเพิ่ม : สภาพอากาศวันนี้ ทุกพื้นที่มีแต่แดด ร้อนพุ่ง 44 องศาฯ หลายจังหวัด


อินโดนีเซียเตือนภัยภูเขาไฟ "รูอาง" ปะทุระลอกใหม่

Wed, 1 May 2024 07:27:49

เมื่อวันที่ 30 เม.ย.2567 ภูเขาไฟรูอาง บนเกาะซูลาเวซี จ.ซูลาเวซีเหนือ ประเทศอินโดนีเซีย ปะทุและพ่นเถ้าถ่าน กลุ่มควันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงมากกว่า 5 กิโลเมตร พร้อมกับเกิดฟ้าผ่าหลายครั้งในช่วงประมาณ 01.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น

ศูนย์การบรรเทาภัยพิบัติทางธรณีวิทยาและภูเขาไฟวิทยาอินโดนีเซีย เตือนให้ประชาชนบนเกาะตากูลันดังเฝ้าระวังคลื่นสึนามิ ที่อาจเกิดจากวัตถุต่างๆ ที่ตกลงไปในทะเลจากการปะทุของภูเขาไฟ

สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซีย ยกระดับการเตือนภัยสูงสุดและอพยพประชาชนกว่า 12,000 คนบนเกาะใกล้เคียง โดยการเตือนภัยมีผลถึงช่วงบ่ายวันที่ 30 เม.ย. ซึ่งการปะทุดังกล่าวส่งผลให้ทางการอินโดนีเซียกลับมาประกาศคำสั่งปิดพื้นที่ในรัศมี 6 กิโลเมตรรอบๆ เขตภูเขาไฟอีกครั้ง และสั่งปิดสนามบินนานาชาติที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อความปลอดภัย

ภูเขาไฟรูอางปะทุไปแล้วมากกว่า 6 ครั้งในเดือน เม.ย.นี้ ส่งผลให้ต้องอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงมากกว่า 6,000 คน แต่ล่าสุดยังไม่ทราบจำนวนประชาชนที่ชัดเจนที่ยังอาศัยอยู่ใกล้ๆ เขตภูเขาไฟ เนื่องจากมีประชาชนเพียงบางส่วนทยอยอพยพกลับบ้าน นับตั้งแต่ทางการปรับลดระดับคำเตือนไปแล้วก่อนหน้านี้

อ่านข่าวอื่นๆ

สภาพอากาศวันนี้ ทุกพื้นที่มีแต่แดด ร้อนพุ่ง 44 องศาฯ หลายจังหวัด

"หัวใจติดปีก" รับอวัยวะบริจาคจากร้อยเอ็ด ต่อลมหายใจได้ 8 ชีวิต


น้ำท่วม "เคนยา" ระลอกล่าสุดตายอีกอย่างน้อย 45 คน

Tue, 30 Apr 2024 08:07:34

เมื่อวันที่ 29 เม.ย.2567 สำนักข่าวต่างประเทศ เผยแพร่ภาพจากโดรนที่เผยให้เห็นความเสียหายเป็นวงกว้าง ในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในเมือง Mai Mahiu ทางตอนกลางของเคนยา ห่างจากกรุงไนโรบี ประมาณ 30 กิโลเมตร มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 45 คน

ตลอดเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตจากฝนตกหนักและน้ำท่วมมากกว่า 140 คนแล้ว ขณะที่ประชาชนมากกว่า 185,000 คนไร้ที่อยู่อาศัย นับตั้งแต่ก่อนเกิดน้ำท่วมระลอกล่าสุด

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ ระบุว่า น้ำท่วมและดินถล่มเมื่อวันที่ 29 เม.ย. ส่วนหนึ่งเกิดจากเขื่อนแตก ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมชุมชน แต่หน่วยงานชลประทานระบุว่าเกิดจากอุโมงค์ระบายน้ำใต้ทางรถไฟอุดตัน เพราะเศษซากวัสดุต่างๆ

ก่อนหน้านี้ กรุงไนโรบี เผชิญน้ำท่วมมาแล้วเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ หลังฝนตกหนักต่อเนื่องและทำให้เคนยาเผชิญน้ำท่วมเรื่อยมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือน มี.ค. เจ้าหน้าที่เตือนว่าเขื่อนกักเก็บน้ำสำหรับผลิตไฟฟ้ารองรับน้ำเต็มแล้ว และอาจนำมาซึ่งการล้นทะลักลงสู่ท้ายเขื่อนได้

เคนยา มีฝนตกหนักตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. แต่ฝนยิ่งตกมากขึ้นช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนทำให้น้ำท่วมรุนแรงมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่าเกิดจากผลของปรากฏการณ์เอลนีโญร่วมด้วย โดยเมื่อช่วงฤดูฝนปลายปี 2023 แอฟริกาตะวันออกเกิดน้ำท่วมมากเป็นประวัติการณ์จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 300 คน

ขณะที่อีกปัจจัยหนึ่งคือปรากฏการณ์ Indian Ocean Dipole (IOD) ไดโพลในมหาสมุทรอินเดีย / ไดโพล - 2 ขั้ว ลักษณะคล้ายกับปรากฏการณ์เอลนีโญ / ลานีญา

อุณหภูมิผิวทะเลทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกของมหาสมุทรจะแตกต่างกัน เปลี่ยนแปลงไปมาเป็นช่วงไม่แน่นอน แบ่งเป็นระยะที่เป็นบวก คือฝั่งตะวันตกอุ่นกว่าปกติ ส่วนฝั่งตะวันออกเย็นกว่าปกติ ทำให้ประเทศในแอฟริกาตะวันออกฝนตกหนักน้ำท่วม ส่วนประเทศทางตะวันออกของมหาสมุทรอินเดีย ทั้งไทย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย ฝนน้อยลงและแล้งมากขึ้น

อ่านข่าวอื่นๆ

อินเดีย-ฟิลิปปินส์สั่งหยุดเรียน "ร้อนจัด" กระทบการใช้ชีวิต

อวสานจุดเช็กอินสุดฮิต "ฟูจิ" จ่อตั้งแผงกั้นสูง 2.5 เมตรคุมท่องเที่ยว

 


อินเดีย-ฟิลิปปินส์สั่งหยุดเรียน "ร้อนจัด" กระทบการใช้ชีวิต

Tue, 30 Apr 2024 07:38:31

วันนี้ (30 เม.ย.2567) อากาศร้อนในช่วงนี้ทำให้หลายคนตัวแดงหน้าแดงไม่ต่างจากที่เกิดขึ้นในไทย ประชาชนในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์กำลังเผชิญสถานการณ์คล้ายๆ กัน ส่งผลให้กระทรวงศึกษาธิการฟิลิปปินส์สั่งปิดโรงเรียนของรัฐมากกว่า 47,000 แห่ง ให้นักเรียนเรียนออนไลน์จากที่บ้าน เพื่อเลี่ยงผลกระทบต่อสุขภาพจากคลื่นความร้อน ที่อุณหภูมิสูงเป็นประวัติการณ์

สถิติอุณหภูมิเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (27 เม.ย) ในกรุงมะนิลาสูงถึง 38.8 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติเดิมของเมื่อ 10 ปีก่อน และจะยังร้อนระดับนี้ต่อไปอีก 3 วันเป็นอย่างน้อย ทำให้ประชาชนต่างพากันหาวิธีคลายร้อน ทั้งพึ่งพาร่ม หมวก หรือมุ่งหน้าไปตามห้างสรรพสินค้าเพื่อหลบร้อน

คนฟิลิปปินส์หาทางคลายร้อน

คนฟิลิปปินส์หาทางคลายร้อน

ขณะที่ดัชนีความร้อน หรืออุณหภูมิที่ร่างกายรู้สึกได้ เมื่อนำค่าความชื้นสัมพัทธ์มาคำนวณด้วย คาดว่าจะอยู่ที่ 45 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อร่างกาย

กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์ ระบุว่า กำลังสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิต หลังมีรายงานผู้เสียชีวิตจากอากาศร้อนแล้วอย่างน้อย 6 คนทั่วประเทศ และมีคนล้มป่วยอีก 34 คน นอกจากนี้ยังออกคำเตือนให้ระมัดระวังอาการฮีทสโตรกที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ โดยขอให้ประชาชนเลี่ยงการอยู่นอกบ้านช่วง 10.00-16.00 น. สวมหมวกหรือกางร่มเมื่อออกนอกอาคาร ท่ามกลางอากาศร้อนจัดที่คาดว่าจะเกิดต่อเนื่องไปจนเดือนหน้า จนกว่าจะเข้าฤดูฝน

ฟิลิปปินส์เป็นประเทศหนึ่งในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากอากาศร้อนจัดรุนแรงที่สุดในปีนี้

อินเดียใต้ "ร้อนจัด" เสียชีวิตแล้ว 2 คน

ส่วนที่รัฐเกรละ ทางตอนใต้ของอินเดีย อากาศร้อนจัดทำให้มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 คน เป็นหญิงวัย 90 ปีและชายวัย 53 ปี ตามการรายงานของสื่อท้องถิ่น ท่ามกลางอุณหภูมิที่พุ่งสูงแตะ 41.9 องศาเซลเซียส สูงกว่าปกติถึง 5.5 องศาเซลเซียส กระทบการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะอาชีพที่ต้องอยู่กลางแจ้ง

คนอินเดียทำงานท่ามกลางแดดร้อน

คนอินเดียทำงานท่ามกลางแดดร้อน

ขณะที่ในรัฐทมิฬนาฑูที่อยู่ใกล้เคียง นักการเมืองท้องถิ่นออกแจกจ่ายผลไม้ มะพร้าวและเครื่องดื่มเย็นในเมืองเจนไน เพื่อช่วยประชาชนคลายร้อน ระหว่างที่พยากรณ์อากาศระบุว่าอุณหภูมิแถบตอนใต้ของอินเดียจะสูงกว่าปกติต่อเนื่องไปอีก โดยระหว่างเดือน เม.ย.-มิ.ย. คาดว่าอินเดียจะเผชิญคลื่นความร้อนคิดเป็นจำนวนวันมากกว่าปกติ จนกว่าจะเข้าฤดูมรสุม และอุณหภูมิจะลดลงในที่สุด

คนอินเดียกินผลไม้คลายร้อน

คนอินเดียกินผลไม้คลายร้อน

นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศโลก ระบุว่า ความร้อนที่ทุบสถิติส่วนหนึ่งเกิดจากการปล่อยแก๊สเรือนกระจกโดยฝีมือมนุษย์ และเสริมให้รุนแรงขึ้นโดยปรากฏการณ์เอลนีโญ นำมาซึ่งอากาศร้อน น้ำในมหาสมุทรร้อน น้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟป่า และเหตุอื่นๆ ที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม

อ่านข่าวอื่น :

สภาพอากาศวันนี้ ลำปางไม่หนาวแล้ว อันดับ 1 "ร้อนสุด" 8 วันติด

สำนักจุฬาราชมนตรีชวนพี่น้องมุสลิม "ละหมาดขอฝน" 4 พ.ค.67

คุยเปิดใจ "พิรุณ" อธิบดีกรมโลกร้อน กับภารกิจฝ่าหายนะโลกเดือด


อวสานจุดเช็กอินสุดฮิต "ฟูจิ" จ่อตั้งแผงกั้นสูง 2.5 เมตรคุมท่องเที่ยว

Sat, 27 Apr 2024 16:12:00

วันนี้ (27 เม.ย.2567) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ทางการญี่ปุ่น เตรียมนำแผงกั้นตาข่ายสีดำสูง 2.5 เมตร ความยาว 20 เมตรมาติดตั้งบริเวณจุดถ่ายภาพยอดฮิตในเมืองตากอากาศฟูจิคาวากุจิโกะ ที่มีร้านสะดวกซื้อ Lawson และฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ 

การดำเนินการดังกล่าวเนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า จุดถ่ายรูปยอดนิยมดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาเยือนจำนวนมาก แต่พบปัญหานักท่องเที่ยว ไม่เคารพกฎจราจร ข้ามถนนตัดผ่านไปมาเพื่อถ่ายรูป ทำให้เกิดอุบัติเหตุ และอันตราย บางส่วนทั้งรุกล้ำเข้าพื้นที่ส่วนบุคคล จอดรถไม่เป็นระเบียบ

เป็นเรื่องน่าเสียใจที่ต้องทำอย่างนี้ เพราะมีนักท่องเที่ยวบางคนที่ไม่เคารพกฎเกณฑ์ ทิ้งขยะไว้  เพิกเฉยต่อกฎจราจร

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังญี่ปุ่นสูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีผู้มาเยือนเกิน 3 ล้านคนต่อเดือนในเดือนมี.ค.เป็นครั้งแรก

นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพฉากหลังภูเขาไฟฟูจิ

นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพฉากหลังภูเขาไฟฟูจิ

ส่วนภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น สามารถถ่ายภาพได้จากหลายจุดในเมืองตากอากาศฟูจิคาวากุจิโกะ แต่จุดชมวิวนี้ได้รับความนิยมเป็นพิเศษเนื่องจากมีภูเขาไฟขนาดใหญ่ปรากฏอยู่หลังร้านสะดวกซื้อ Lawson 

แม้ที่ผ่านมาทางท้องถิ่น จะติดตั้งป้ายจราจรและคำเตือนซ้ำ ๆ และยังใช้ข้อความหน้าจอขนาดใหญ่เป็นทางเลือกสุดท้าย มาตรการนี้มีไว้เพื่อปกป้องคลินิกทันตกรรมบริเวณดังกล่าว

อ่านข่าว นักท่องเที่ยวล้น-ขยะเกลื่อน "ภูเขาไฟฟูจิ" เล็งเก็บเงิน 500 บาท

ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นเพิ่งจะออกกฎระเบียบใหม่กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนฟูจิ ปีละ 220,000 คน ในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย.ของทุกปี แต่เส้นทางที่คับแคบ การแออัดของนักปีนเขาแล้ว ยังคงมีขยะเกลื่อนกลาดตามทาง 

ทำให้ภูเขาไฟฟูจิ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก และเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น กําลังเสื่อมโทรมลง จึงจะเก็บอัตราค่าขึ้นไปภูเขาไฟฟูจิ ที่ความสูง 3,776 เมตร จะต้องเสียค่าธรรมเนียมราว 13 ดอลลาร์ หรือเกือบ 500 บาทไทย โดยจะเริ่มเก็บตั้งแต่ 1 ก.ค.นี้ พร้อมทั้งจํากัดนักปีนเขาเพียง 4,000 คนต่อวันเท่านั้น

โซเซียลชี้ อวสานจุดเช็กอินสุดฮิต

ขณะที่เพจท่องเที่ยวและโลกออนไลน์ต่างพากันพูดถึงประเด็นการทำแผงกั้นภูเขาไฟฟูจิ เช่น  " target="_blank">เพจซารุจัง โอซาก้า Osaru Osaka ระบุว่า ตอนนี้ทางเมืองเตรียมตัวสร้างที่กั้นสีดำชิดขอบถนน เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูป “ฟูจิซังและลอว์สัน” ยอดฮิต หลังชาวบ้านต้องทนกับพฤติกรรมสุดแย่ของนักท่องเที่ยวมานาน 

ประเด็นคือข่าวยังบอกอีกว่าได้เตรียมมาตราการทุกอย่างแล้ว ทั้งจัดสรรเจ้าหน้าที่ ติดป้าย กั้นที่ระหว่างคลีนิก (ตรงนั้นเป็นคลินิกทำฟัน) แต่ปัญหามีแต่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เช่น เดินข้ามถนนด้านหน้าลอว์สันโดยไม่สนใจรถ นั่งกินอาหาร นอนบนฟุตบาท ทิ้งขยะไม่เป็นที่ (ทั้งสองฝั่ง) เสียงดัง รบกวนขาวบ้าน และคนใช้ถนน รถติด

เจ้าของคลินิกทำฟันฝั่งตรงข้ามบอกต้องทนกับพฤติกรรมแย่ ๆ ของนักท่องเที่ยวมาปีกว่าแล้ว ตอนแรก ๆ ก็ดีใจที่มีคนให้ความสนใจ แต่หลัง ๆ เริ่มสร้างความก่อกวนให้ ต้องออกมาเก็บขยะเช้าเย็น คนที่อยากมาคลินิก มาจอดรถก็หาที่จอดไม่ได้ เพราะโดนนักท่องเที่ยวยึดหมด มีคนทำธุรกิจถ่ายรูปใต้ตึกแบบจ้างนางแบบ จ้างช่างภาพมา นอกจากจะน่ารำคาญแล้วยังอันตรายมากๆด้วย เลยเริ่มรู้สึกไม่โอเคแล้ว

ทางจังหวัดเตรียมตัวติดตั้งม่านสีดำสูง 2.5 เมตร ยาว 20 เมตรช่วงโกลเด้นวีคนี้ หวังว่าจะช่วยแก้ปัญหาหลังจากจัดเจ้าหน้าที่มาดูแลพื้นที่แล้ว ไม่ดีขึ้น โดยทางจังหวัดเองก็บอกว่าไม่อยากใช้มาตราการนี้ แต่ทำทุกวิถีทางแล้วยังไม่ดีขึ้น เลยต้องทำแบบนี้

หลายๆ คนบอกว่าติดแล้วทำลายทัศนียภาพมาก ไม่น่าจช่วยอะไร หลาย ๆ คนก็บอกว่าดี ทุกคนจะได้หยุดมาถ่ายรูปที่นี่กันซักที แต่จะได้ผลไหม หรือว่าคนจะลงไปยืนถ่ายกันบนถนนแทน 

 

 

 

 


มาเลเซียรับเปิดสอบทุจริตอดีตนายกฯ "มหาธีร์ มูฮัมหมัด"

Fri, 26 Apr 2024 06:47:47

เมื่อวันที่ 25 เม.ย.2567 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมาเลเซีย หรือ MACC เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างสอบสวน "มหาธีร์ มูฮัมหมัด" อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 98 ปี โดยเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับบุตรชาย 2 คนของอดีตผู้นำมาเลเซีย คือ Mokhzani และ Mirzan ที่ได้รับหมายแจ้งให้แสดงบัญชีทรัพย์สินไปก่อนหน้านี้

เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา MACC สั่งให้บุตรชาย 2 คนของอดีตผู้นำมาเลเซีย แสดงบัญชีทรัพย์สินที่มีในครองครอบทั้งหมดทั้งในและนอกประเทศ หลังจากการเปิดโปงข้อมูลปานามา เปเปอร์ส ชี้ว่าอาจซุกซ่อนทรัพย์สินไว้ต่างแดน ซึ่งทั้งคู่ระบุว่าการสอบสวนดังกล่าวแท้จริงแล้วพุ่งเป้าไปที่พ่อของพวกเขา และยื่นขอผัดผ่อนการแสดงบัญชีทรัพย์สินแล้วหลายครั้ง

ด้านประธาน MACC ระบุว่า ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับการสอบสวนอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเพิ่มเติมในขณะนี้ และนี่เป็นการออกมายอมรับครั้งแรกว่าหน่วยงานดังกล่าวเปิดสอบทุจริตมหาธีร์ ขณะที่คนใกล้ชิดของมหาธีร์ ระบุว่า ยังไม่ได้รับหมายแจ้งอย่างเป็นทางการใดๆ ให้แสดงบัญชีทรัพย์สิน หรือแจ้งถึงการเปิดการสอบสวน และก่อนหน้านี้เคยระบุว่าการสอบสวนลูกชายเป็นเกมการเมือง

MACC เปิดเผยว่า เมื่อเดือน ส.ค.2022 ได้เริ่มสอบสวนบุคคลและบริษัทต่างๆ ที่มีรายชื่อเกี่ยวข้องกับแพนดอรา เปเปอร์ส และปานามา เปเปอร์ส

แพนดอรา เปเปอร์ส คือการเปิดโปงข้อมูลทุจริตของบรรดาผู้นำประเทศทั่วโลก โดยสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ เมื่อปี 2021 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่ได้จากบริษัท "ออฟชอร์" หรือบริษัทนอกประเทศที่รับบริหารจัดการทรัพย์สินของบรรดามหาเศรษฐีและนักการเมืองหลายคน

ส่วน ปานามา เปเปอร์ส เป็นการเผยแพร่เอกสารลับที่รั่วไหลจากมอสแซก ฟอนเซกา บริษัทกฎหมายในปานามาที่ลึกลับที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เปิดโปงให้เห็นถึงแง่มุมหนึ่งของการจัดตั้งบริษัทเทียมขึ้นในประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเลี่ยงภาษี

มหาธีร์ มูฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย 2 สมัย เป็นคู่ปรับคนสำคัญของ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนปัจจุบัน ซึ่งดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2022 พร้อมให้คำมั่นว่าจะปราบปรามการทุจริตอย่างเข้มข้น โดยอันวาร์ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าใช้การสอบสวนการทุจริตเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อกำราบคู่แข่ง

อ่านข่าวอื่นๆ

เรารู้อะไรบ้างจากร่างกฎหมายแบน TikTok ของสหรัฐฯ

ศูนย์วิจัยกสิกรฯ เผยประชุม FOMC ปลาย เม.ย.นี้ เฟดยังไม่ลดดอกเบี้ย